top of page

การเงินแย่เพราะเงินเฟ้อ..หรือเพราะเรากันแน่

ree

คุณเคยซื้อของแล้วรู้สึกว่ามันแพงขึ้นมากกว่าตอนสมัยที่เรายังเป็นเด็กไหมครับ สินค้าและบริการต่าง ๆ ในปัจจุบันล้วนแล้วแต่มีราคาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับของชิ้นเดียวกันที่เราหาได้ในอดีต มันอาจจะไม่ใช่แค่การเพิ่มราคาจากพ่อค้าแม่ค้า หรือว่าเพราะเป็นของรุ่นใหม่จึงมีราคาที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่กลไกการขึ้นราคามักจะถูกกำหนดด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น และเรามักจะเรียกการเพิ่มขึ้นของราคานี้ว่า เงินเฟ้อ


มันคือเรื่องปกติที่วันหนึ่งก๋วยเตี๋ยวถ้วยละ 20 บาทจะกลายเป็น 40 บาทในช่วงระยะเวลาไม่ถึง 30 ปี แต่ถ้าใครยังเจอว่าแม่ค้าสามารถขายได้ราคาเดิม เราก็อาจจะพบว่าปริมาณก็ไม่ได้เท่าเดิมอยู่ดี สาเหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะต้นทุนในการผลิตก๋วยเตี๋ยวนั้นมีมากขึ้น ทั้งค่าวัตถุดิบและค่าแรงที่ต้องจ่ายให้กับพนักงานทุกคนในร้านก๋วยเตี๋ยว และอยากให้คุณจินตนาการดูนะครับว่าถ้าคุณเป็นหนึ่งในพนักงานร้านก๋วยเตี๋ยวนั้น คุณก็คงคาดหวังว่าในปีหน้าคุณจะได้เงินเดือนเพิ่มใช่ไหมครับ


มุมมองของผมกับพื้นฐานการทำงานหาเงินสำหรับชีวิตคนหนึ่งคน ก็คือการหาเงินก็เพื่อนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยเริ่มจากการดูแลปัจจัยพื้นฐานในชีวิตให้ได้ก่อน และเมื่อมีเงินเหลือมากพอก็สามารถนำเงินเหล่านั้นไปเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับตัวเองได้ แต่ที่ผมให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือการดูแลตนเองให้ได้ในช่วงเวลาของชีวิตที่เราจะไม่สามารถหาเงินได้ การมีเงินสะสมไว้เพื่อดูแลตัวเองในอนาคตจึงเป็นเรื่องที่ถือว่าเป็นความรับผิดชอบต่อตัวเองและคนที่รักผม


การที่ผมดูแลการเงินตัวเองไม่ได้ในอนาคตนั้นอาจจะทำให้ผมต้องไปเบียดเบียนทรัพยากรทางการเงินของคนที่รักผมก็ได้ ซึ่งนั่นอาจจะหมายถึงการที่ลูกผมจะต้องเลือกว่าจะเอาเงินที่เขาหามาได้อย่างเหน็ดเหนื่อยมาใช้กับอะไร ระหว่างการดูแลพ่อหรือนำไปสร้างโอกาสทางการศึกษาให้ลูกถึงจะดีกว่ากัน และถ้าผมรู้ว่าจะมีโอกาสเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ในอนาคต แต่ยังไม่เริ่มวางแผนการเงิน ผมก็ถือว่าผมเป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบอะไรเลย


เมื่อผมได้คุยกับคนมากขึ้น ผมก็พบว่ามีหลายคนที่ยังไม่เริ่มวางแผนการเงินเพราะคิดว่าคงทำไม่ได้ถ้าเงินมันจะเฟ้อแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ และนั่นเป็นมุมมองที่มีต่อการเริ่มวางแผนการเงินที่ผมคิดว่าผิดมาก ๆ เพราะเงินบนโลกนี้คงไม่สามารถหยุดการเฟ้อได้อีกแล้ว และต่อให้ผมอยากที่จะหยุดการเฟ้อของเงินนั้น ผมก็ตัวเล็กเกินที่จะไปหยุดยั้งเรื่องนี้ได้อยู่ดี แต่สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้ก็คือการทำใจและยอมรับว่าเงินมันจะเฟ้อขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ แล้วค่อยหาทางบริหารจัดการเงินเพื่อให้เราสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ และใช้ชีวิตได้ตามที่เราต้องการ


วันนี้ผมจึงอยากชวนทุกท่านมาลองวางแผนการเงินให้ตัวเองแบบไม่มีเงินเฟ้อดูกัน ด้วยเหตุผลที่ผมอยากชวนทุกท่านมาค้นหาว่าอะไรที่เป็นต้นเหตุที่จะทำให้การเงินของเราไม่ประสบความสำเร็จในอนาคตกันแน่ ระหว่างตัวคุณเองหรือว่าเงินเฟ้อ ด้วยหลักการง่าย ๆ และนั่นก็คือการวางแผนการเงินโดยไม่ต้องคำนวณถึงเงินเฟ้อดูครับ ถ้าคุณวางแผนแล้วพบว่าคุณไม่สามารถดูแลตัวเองได้ทั้งที่ไม่ได้นำเงินเฟ้อมาคำนวณ ก็ถือว่าสาเหตุหลักที่ทำให้อนาคตทางการเงินของคุณแย่นั้นมาจากตัวคุณเอง และเงินเฟ้อก็เป็นเพียงเหตุผลรองลงมา แต่ถ้าคุณมีเงินมากพอที่จะดูแลตัวเองได้ในอนาคตโดยใช้เงินเท่าเดิม ก็จะถือว่าการที่เงินเฟ้อนั้นเป็นอุปสรรคเรื่องหนึ่งที่มีผลกระทบ และเราก็ค่อยมาหาทางเอาชนะมัน


ถ้าเรามีเงินมากพอที่จะดูแลตนเองไปตลอดชีวิตแล้ว เงินเฟ้อก็คงไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว เพราะว่าคุณสามารถหาเครื่องมือทางการเงินที่จะคอยช่วยให้เงินของคุณชนะเงินเฟ้อได้ รวมถึงวางแผนการใช้เงินกับเรื่องสำคัญที่มีความเสี่ยงที่จะต้องใช้เงินจำนวนมากได้ไม่ยาก ถ้าคุณได้เริ่มศึกษาแล้ว คุณก็อาจจะพบว่าการเอาชนะเงินเฟ้อไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินที่คุณจะทำได้ และคุณอาจจะได้พบการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวคุณ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ลงทุนเพื่อให้ชนะเงินเฟ้อ แต่อาจจะเป็นการสร้างผลตอบแทนที่มากกว่ารายจ่ายของชีวิตคุณได้อีกด้วย และนั่นก็เรียกว่า อิสรภาพทางการเงิน


แต่ในชีวิตจริงของคนส่วนใหญ่คงไม่ได้มีเงินก้อนที่จะพอให้ใช้จ่ายสำหรับตลอดช่วงชีวิตมากองไว้อยู่ตรงหน้า แต่จะเป็นการทำงานแลกกับค่าแรง เพื่อให้เราได้เงินไปใช้ในชีวิตประจำวัน และเราก็จะต้องแบ่งเงินส่วนหนึ่งเพื่อเก็บออมและนำเงินก้อนนั้นไปบริหารให้ได้ผลตอบแทนเพื่อชนะเงินเฟ้อ หรือเพื่อได้ผลตอบแทนมากกว่าเงินเฟ้อ ดังนั้นการสะสมของเงินจะเป็นการค่อย ๆ สะสมไปทีละนิด อาจจะดูเหมือนมีจำนวนไม่มากในตอนแรก แต่ถ้าคุณไม่เอาผลตอบแทนจากการลงทุนนั้นกลับออกมาใช้ และยังเอาเงินออมที่ได้เพิ่มมาในแต่ละเดือนใส่เพิ่มเข้าไป เงินก้อนนั้นก็จะเป็นเงินที่ใหญ่ขึ้นและสร้างผลตอบแทนให้คุณได้มากขึ้นตามไปด้วย


การออมเงินนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยาก แต่เมื่อผมได้ทำแล้วผมก็พบว่ามันคือเรื่องง่ายที่ทำได้ยากอยู่พอสมควร เพราะทุกครั้งที่ผมจะต้องนำเงินส่วนหนึ่งไปออม ผมก็จะต้องตัดใจจากการซื้อของที่ผมอยากได้ไปด้วย ถึงแม้ว่าของชิ้นนั้นจะไม่ใช่ของที่แพงอะไรมากมาย แต่ผมก็รู้ว่ามันจะเป็นตัวการทำให้เป้าหมายที่สำคัญกว่าไม่สามารถเป็นจริงขึ้นมาได้ ถ้าผมมัวแต่ใช้เงินกับของเหล่านี้ แต่แน่นอนการได้ซื้อของที่ดีต่อใจมันก็มีผลบวกกับสภาพจิตใจของเราไม่น้อย และผมอยากจะให้คุณลองนึกภาพตามดูว่าคุณจะต้องทำตรงข้ามกับความต้องการของคุณไปหลายสิบปีกว่าเงินของคุณจะมีขนาดใหญ่มากพอที่จะมีผลตอบแทนที่ทรงพลังที่จะดูแลการใช้ชีวิตของคุณตลอดชีวิตได้


ผมมีความเข้าใจคนที่เริ่มวางแผนการเงินไม่ได้อยู่พอสมควร เพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเน้นการใช้ชีวิตมาก่อน แต่ผมก็เข้าใจพลังของการวางแผนการเงินเช่นกันว่าจะทำให้ผมมีโอกาสใช้เงินมากกว่าเงินที่ผมหาได้ตลอดชีวิตถึงสองเท่า และมันก็ทำให้ผมมีโอกาสคว้าเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นด้วย เป้าหมายที่ผมไม่มีโอกาสได้มันจากการทำงานหาเงินเพียงอย่างเดียว ผมรู้ว่าทุกคนที่จะต้องออมเงิน จะมีความอึดอัดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เรื่อย ๆ แต่ถ้าภาพเป้าหมายที่สำคัญของคุณมันชัดเจน มันจะไม่ใช่การเลือกระหว่างการออมกับของที่อยากได้ในตอนนั้น แต่จะเป็นการเลือกระหว่างของที่อยากได้ในตอนนั้นกับเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ แล้วมันจะเปลี่ยนความอึดอัดนั้นให้กลายเป็นความภูมิใจ ที่เหมือนเป็นบันไดขั้นเล็ก ๆ ที่กำลังพาคุณไปสู่เป้าหมายที่สำคัญที่สุดในชีวิตคุณ

Comments


bottom of page